หัว-หางกุ้ง ประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม

หัว-หางกุ้ง ประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม

   ถ้าพูดถึงอาหารทะเล คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “กุ้ง” ที่เป็นวัตถุดิบหลัก

   กุ้งไม่ได้มีดีแค่ให้ความอร่อย แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย แต่คนส่วนใหญ่จะเลือกกินเฉพาะเนื้อของมัน และจะเด็ดหัวเด็ดหางทิ้ง

   ..แต่รู้หรือไม่ว่า ส่วนที่มีประโยชน์มากที่สุด ก็คือส่วนของ หัวและหางกุ้ง

🔹หัวกุ้ง
หรือ คางกุ้ง ใครหลาย ๆ คนมักจะโยนทิ้ง เพราะไม่เห็นประโยชน์ แท้จริงแล้ว หัวกุ้งมีประโยชน์อย่างมาก ที่ให้แคลเซียม และไคโตซาน ที่สามารถช่วยดักจับไขมันที่เป็นส่วนเกินของร่างกายได้เป็นอย่างดี

🔸หางกุ้ง
หางกุ้ง จะมีสารไคติน ซึ่งเป็นสารพอลิเมอร์ชีวภาพ และให้ประโยชน์ในการเสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรง เนื่องจากมีโปรตีนที่สูง และมีคอลลาเจน ที่สามารถช่วยซ่อมแซมผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถดึงไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

กินกุ้งชะลอวัย

กุ้งช่วยชะลอวัย

  กุ้งมีคุณสมบัติที่ช่วยชะลอวัย เนื่องจากกุ้งมีสารคาโรทีนนอยด์ที่ชื่อว่าแอสตาแซนธินอยู่มาก ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพดี ที่ช่วยลดสัญญาณแห่งวัยของผิวที่เกิดจากแสงแดดและรังสียูวีเอ

   ดังนั้น กุ้งจึงมีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำได้ดี เพียงแค่เพิ่มกุ้งลงไปในเมนูอาหารของคุณเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากแสงแดดที่มาทำร้ายผิว หนึ่งในสาเหตุหลักของการทำร้ายผิว

กุ้งช่วยลดน้ำหนักได้

กุ้งช่วยลดน้ำหนักได้

หลายๆ คนอาจสงสัยว่า กุ้งมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างไร?


คำตอบ คือ กุ้งเป็นแหล่งโปรตีนและวิตามินที่ดีเลิศ โดยไม่เพิ่มปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารเลย ดังนั้น สำหรับใครก็ตามที่ต้องการลดน้ำหนักแล้ว กุ้งเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เหมาะอย่างยิ่ง

   ส่วนเปลือกของกุ้งจะมีสารที่เรียกว่า ไคติน (Chitin) ซึ่งในทางการแพทย์ระบุว่าไคตินเป็นสารที่ไม่ดูดซึมเข้าร่างกาย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการเคลื่อนตัวของกากอาหารในลำไส้ คล้ายกับอาหารจำพวกไฟเบอร์

 

   ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่ระบบขับถ่ายไม่ค่อยดี โดยเคี้ยวกุ้งที่มีขนาดไม่ใหญ่มากทั้งเปลือกและอีกสาเหตุหนึ่งที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก นั่นก็ คือ สารสังกะสีในตัวกุ้งที่ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเลปตินซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการกักเก็บไขมัน ความอยากอาหารและการใช้พลังงานโดยรวมของร่างกาย รวมทั้งปัญหาอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคของการลดน้ำหนักได้ดีขึ้น

คุณค่าสารอาหารจากกุ้ง

คุณค่าสารอาหารจากกุ้ง

  คุณค่าสารอาหารจากกุ้ง  ส่วนหลักๆ ของกุ้งที่นิยมนำมาประกอบอาหารมากที่สุดก็ คือ ส่วนลำตัวที่มีเนื้อมากไปจนถึงหางกุ้ง แต่ส่วนอื่นๆ ก็นิยมมาทำเป็นอาหารได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสูตรอาหารของแต่ละคน เพราะไม่ว่าส่วนไหนๆ ของกุ้งก็ยังให้สารอาหารดีๆ แถมแคลอรี่ต่ำ (ประมาณ 1 แคลอรี่ต่อหนึ่งกรัม)

 

   กุ้งมีโปรตีนสูง มีองค์ประกอบหลักเป็นน้ำ แม้จะมีปริมาณไขมันอยู่บ้าง แต่ประโยชน์หลักๆของกุ้งอยู่ที่วิตามินและแร่ธาตุ ทั้งเหล็ก แคลเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส สังกะสี แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ตลอดจนวิตามินเอ อี บี 6 และแม้แต่บี 12 แถมยังมีไอโอดีน ไทอามิน ริโบฟลาวิน และไนอาซินด้วย 

อย่าปล่อยให้ขี้แดดลอยนวล

อย่าปล่อยให้ขี้แดดลอยนวล

     หลังจากที่เราจับกุ้ง สภาพก้นบ่อจะมีน้ำขัง สีเขียวเข้มหนืด และมีขี้แดดลอยขึ้นผิวน้ำเป็นจำนวนมาก ขี้แดดนั้นเกิดจาก ในบ่อมีอาหารแพลงก์ตอนสะสมเป็นจำนวนมาก ทำให้แพลงก์ตอนเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อแพลงก์ตอนตายจะทิ้งซากเป็นจำนวนมากจับตัวกลายเป็น “ขี้แดด”

     “อาหารของแพลงก์ตอนมาจากไหน…?” มาจากอาหารที่กุ้งจับกินแล้วตกหล่นลงพื้น และอีกหนึ่งสาเหตุเกิดจากการให้อาหารมากเกินไป หรือที่เรียกว่า “Overfeeding” สำหรับเกษตรกรมือใหม่ ยิ่งมีสารอินทรีย์ในบ่อมาก ขี้แดดก็จะมีมากตามไปด้วย

     ในสภาวะที่พื้นบ่อมีขี้แดด เป็นจำนวนมากถ้าเราไม่มีการบำบัด หรือจัดการที่ดีเมื่อเราเติมน้ำจนเต็มเพื่อเลี้ยง ขี้แดดและสารอินทรีย์จำนวนมากทีสะสมซึ่งการหมักและเน่ายังสงผลให้ เกิดแก๊สแอมโมเนีย ก๊าซไนโตรท์ และอื่นๆอีกมากมายทำให้คุณภาพน้ำไม่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของกุ้ง กุ้งอ่อนแอ และตายในที่สุด ขี้แดดจึงเป็นดัชนีบ่งชี้ถึงความสะอาดของพื้นบ่อกุ้งของเรานั้นเอง

ดินที่เหมาะกับการทำบ่อกุ้ง

ดินที่เหมาะกับการทำบ่อกุ้ง

     ลักษณะของดิน ควรเป็นดินที่มีปริมาณดินเหนียวมากพอที่จะทำให้สามารถอุ้มน้ำและก่อสร้างบ่อเลี้ยงกุ้งได้

 

     บ่อลักษณะที่เป็นดินเหนียวปนทราย จะเหมาะสำหรับสำหรับสร้างบ่อมากที่สุด ดินต้องไม่เป็นดินกรด (acid potential soil) หรือเป็นดินที่มีไพไรท์สูง
..ดินที่มีศักยภาพเป็นดินกรดนั้น เราสังเกตจากดินที่มีความเป็นกรด-ด่าง ต่ำกว่า 4 หรือมีสีคลายสนิมเหล็ก

 

     ดินและน้ำในบ่อมีความเป็นกรด-ด่างต่ำไม่เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์น้ำ ดินที่มีสภาพกรด จะทำให้ปล่อยไอออนของโลหะหนักเช่น เหล็ก และอลูมิเนียมออกมาจับกับฟอสเฟต

…. เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่สามารถเตรียมสีน้ำได้ และทำให้กุ้งโตช้า ….

แพลงก์ตอนที่ก่อให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงกุ้ง

แพลงก์ตอนกลุ่มสีเขียวแกมน้ำเงิน

     แพลงก์ตอนกลุ่มสีเขียวแกมน้ำเงิน เป็นแพลงก์ตอนที่ก่อให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงกุ้งที่ความเค็มต่ำ

     เมื่อแพลงก์ตอนกลุ่มนี้มีการเพิ่มจำนวนมากในบ่อกุ้ง จะมีผลทำให้ค่าพีเอชสูงช่วงบ่าย ต่ำในช่วงเช้า และค่าออกซิเจนสูงในช่วงบ่าย และต่ำในช่วงเช้า

     แก้ไขโดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำร่วมกับการใช้จุลินทรีย์เป็นประจำหรือใส่ปูนลดปริมาณแพลงก์ตอน เช่น ปูนแคลเซียม หรือปูนมาร์ล ตอนกลางคืน อัตรา50กิโลกรัม/ไร่

สร้างสุขลักษณะที่ดีพื้นบ่อกุ้งด้วยจุลินทรีย์

สร้างสุขลักษณะที่ดีพื้นบ่อกุ้งด้วยจุลินทรีย์

     การเลี้ยงกุ้งในปัจจุบันส่วนใหญ่เลี้ยงแบบพัฒนา (Intensive farm) ที่ปล่อยลูกกุ้งอย่างหนาแน่น และสิ่งที่ตามมาคือ “ของเสียสะสมพื้นบ่อ”
     ในแต่ละวันในบ่อที่มีลูกกุ้งจำนวนมาก อาหารก็ต้องมากพอต่อความต้องการของกุ้งที่จะต้องนำสารอาหารไปใช้ในการเจริญเติบโตและสิ่งสุดท้ายเมื่อระบบย่อยสมบูรณ์ก็จะขับถ่ายของเสียออกมาในรูปของแอมโมเนีย โปรตีนและไขมันต่างๆ บางส่วนลอยกระจ่ายอยู่ในน้ำ และอีกบางส่วนจมลงสู่พื้นบ่อเป็นแหล่งอาหารและเพาะเชื้อแบคทีเรีย จะสังเกตเห็นได้ง่ายเมื่อเราจับกุ้งเสร็จ เลนพื้นบ่อจะมีกลิ่นแก๊สไข่เน่า เลนมีสีดำสิ่งเหล่านี้และที่จะสร้างปัญหาให้เราในการเลี้ยงกุ้งรอบต่อไปโดยหลายๆคนอาจมองข้ามไปว่า ปล่อยไว้เฉยๆ ตากแดดแห้งก็หมดปัญหา แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด !! ขี้เลนดำกลับเป็นภัยเงียบย้อนมาทำให้เราเลี้ยงกุ้งไม่ผ่าน

     สุขลักษณะที่ดีพื้นบ่อกุ้งสร้างได้ไม่ยากอย่างที่คิด ด้วยผลิตภัณฑ์ไบโอชิป (BioChip) ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ชนิดดีที่คอยดูแลพื้นบ่อ พลิกเลนเสียให้กลายเป็นเลนดี จุลินทรีย์เมื่อลงสู่น้ำและออกจากระยะพักตัวแล้วจะเข้าย่อยสลายของเสียต่างๆ ในพื้นบ่อให้มีโมเลกุลเล็กลง และยึดครองพื้นที่ไม่ให้เชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่ก่อโรค ขยายตัว ได้เป็นอย่างดี เมื่อของเสียถูกย่อยสลาย แบคทีเรียต่างๆมีจำนวนลดลง กลิ่นแก๊สไข่เน่าก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากแก็สหรือกลิ่นไม่พึ่งประสงค์เหล่านี้ ล้วนมาจากแบคทีเรียตัวร้ายนั้นเอง
     เมื่อบ่อกุ้งของเรามีสุขลักษณะที่ดีแล้ว กุ้งก็จะอยู่อย่างมีความสุข จะทำให้การกินอาหารของกุ้งดี อัตราการแลกเนื้อ (FCR) ต่ำ สิ่งเหล่านี้สร้างได้ สร้างเลย เพียงสองมือเราและไบโอชิป (BioChip)

ของเสียพื้นบ่อนั้นมาจากไหน?

ของเสียพื้นบ่อมาจากไหน

     ถ้าจะพูดถึงบ่อเก่า ที่ผ่านการเลี้ยงกุ้งมาเป็นเวลานาน โดยที่ไม่เคยมีการฉีดเลน หรือกำจัดเลนพื้นบ่อ ของเสียก็มีการสะสมเยอะตามกาลเวลา ของเสียพื้นบ่อนั้นมาจากไหน? …… ก็มาจาก!! อาหารเหลือที่กุ้งกินไม่หมดแล้วตกลงสู่พื้นบ่อ และขี้กุ้งที่ถูกขับถ่ายออกมาทุกวันๆ เป็นบ่อเกิดของแก๊สไข่เน่า เป็นที่บ่มเพาะเชื้อแบคทีเรียชั้นเลิศ เพียงแค่ของเสียพื้นบ่อ ถ้าเรามองข้ามจุดนี้ไป “ไม่กำจัด ไม่บำบัด” ปัญหาต่างๆมากมาย ก็จะตามมาเช่น เลี้ยงกุ้งแล้วร่วง เลี้ยงกุ้งแล้วไม่โต เป็นต้น

     ดังนั้น กุ้งจะรอด ดงรงชีวิตได้ถึงจับ “พื้นบ่อต้องดี พื้นบ่อต้องไม่เน่า” แล้วเราจะดูแลพื้นบ่ออย่างไรไม่ให้พื้นบ่อเรามีปัญหา

   1. ให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลดีต่อคุณภาพน้ำ กุ้งกินหมดไม่เหลือตกค้าง สะสมก้นบ่อ และยังประหยัดต้นทุนได้อีกด้วย
   2. เลือกผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์เติมลงไปในบ่อ เพื่อย่อยสลายขี้กุ้ง ไว้วางใจผลิตภัณฑ์ ไบโอชิป   จุลินทรีย์ สำหรับบำบัดของเสียพื้นบ่อ สามารถลดกลิ่นเหม็นได้เป็นอย่างดี

   เห็นไหมละครับ พื้นบ่อสำคัญแค่ไหน เพราะทุกๆวันกุ้งต้องอยู่ ต้องกินอยู่ที่พื้นบ่อตลอดเวลา 24 ชั่วโมง แล้วเราจะปล่อยให้พื้นบ่อเน่า… ทำไม?

ดูสินค้า คลิ๊ก